บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ แคปปิตอล ลิ้งค์ จำกัด จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 ทะเบียนเลขที่ 0105515001221 (เดิมเลขที่ 122/2515) บริษัทได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้ประกอบกิจการเครดิตฟองซิเอร์ กิจการรับซื้อฝาก และกิจการให้เช่าซื้อ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2516 ใบอนุญาตเลขที่ 3 ในนามบริษัท กรุงเทพสหมิตรเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
ต่อมา ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เอเซีย จำกัด เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2522 และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ แคปปิตอล ลิ้งค์ จำกัด เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2557
ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 260,000,000 บาท (สองร้อยหกสิบล้านบาทถ้วน) ชำระแล้วเต็มจำนวน
นับตั้งแต่กลางปี 2557 ที่บริษัทได้เริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจจนถึงปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ทั้งในด้านฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน และเริ่มเป็นที่รู้จักของลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น โดยที่บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นสถาบันการเงินที่มีความเข้มแข็ง เป็นที่ยอมรับในตลาดการเงิน สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสร้างความพึงพอใจสูงสุด
บริษัทมีแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่สุจริตตรงไปตรงมา โดยใช้ขีดความสามารถของธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ตามขอบเขตที่ทำได้ ให้เต็มประสิทธิภาพ จากประสบการณ์ที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทจำนวนมาก ทำให้บริษัททราบถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งสะท้อนออกมาจากผลิตภัณฑ์เงินฝากและสินเชื่อที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจและมีความน่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับในตลาดการเงิน
บริษัทมุ่งเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาเงินทุนนอกระบบเพื่อให้ต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการลดลง ด้วยขีดความสามารถของบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ที่สามารถลดช่องว่างระหว่างผู้บริโภคกับธนาคารพาณิชย์ ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ
บริการด้านการออมเงินในรูปของ “ใบรับฝากเงิน (Deposit Receipt)” สามารถเลือกฝากเงินได้ตามระยะที่กำหนด ตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี ซึ่งผู้ฝากเงินจะได้รับการคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากตามจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
ดูเพิ่มเติมให้บริการเงินให้สินเชื่อ โดยมีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกัน ที่ออกแบบตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ครอบคลุมทุกวัตถุประสงค์ ด้วยเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น และตรงไปตรงมา
ดูเพิ่มเติมบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ แต่ทั้งนี้ การพิจารณาจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการที่เกิดขึ้นจริงจากการดำเนินธุรกิจตามปกติในแต่ละปีนั้น ๆ และจะต้องคำนึงถึงผลการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจ และปัจจัยแวดล้อมทางการเงิน
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาระดับการกำกับดูแลกิจการที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น